โรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดราชบุรี มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,321 แห่ง (ข้อมูลจาก สำนักงานอุตสากรรมจังหวัดราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2551) โดยแยกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้ (เรียงจากมากไปหาน้อย)
- อาหาร จำนวน 176 แห่ง
- อโลหะ จำนวน 158 แห่ง
- ขนส่ง จำนวน 142 แห่ง
- ไม้และผลิตภัณฑ์ จำนวน 101 แห่ง
- การเกษตร จำนวน 100 แห่ง
- ผลิตภัณฑ์โลหะ จำนวน 98 แห่ง
- เครื่องจักรกล จำนวน 80 แห่ง
- สิ่งทอ จำนวน 62 แห่ง
- เคมี จำนวน 34 แห่ง
- พลาสติก จำนวน 34 แห่ง
- เฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือน จำนวน 20 แห่ง
- กระดาษและผลิตภัณฑ์ จำนวน 18 แห่ง
- ไฟฟ้า จำนวน 17 แห่ง
- ยาง จำนวน 14 แห่ง
- โลหะ จำนวน 11 แห่ง
- เครื่องแต่งกาย จำนวน 10 แห่ง
- ปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์ จำนวน 7 แห่ง
- เครื่องดื่ม จำนวน 4 แห่ง
- สิ่งพิมพ์ จำนวน 3 แห่ง
- เครื่องหนัง จำนวน 2 แห่ง
- อุตสาหกรรมอื่นๆ จำนวน 230 แห่ง
ที่มาข้อมูล
สำนักงานพลังงานจังหวัดราชบุรี. (2553). สถานการณ์พลังงานจังหวัดราชบุรี 2553. กระทรวงพลังงาน. (หน้า 45)
อ่านต่อ >>
จ.ราชบุรีมีพื้นที่ปลูกอ้อยมากเป็นอันดับที่ 14 ใน 47 จังหวัด ที่มีการปลูกอ้อยของประเทศไทย โดย จ.กาญจนบุรีมีพื้นที่ปลูกมากที่สุดของประเทศ สำหรับพื้นที่ปลูกในภูมิภาคตะวันตก จ.ราชบุรีมีพื้นที่ปลูกรองจาก จ.กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี
กลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตร สำนักงานการเกษตรและสหกรณ์ จ.ราชบุรี ได้กำหนดทิศทางการพัฒนาอ้อยและน้ำตาลของ จ.ราชบุรี ในปี พ.ศ.2553-2556 สรุปดังนี้
การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของการผลิตอ้อยและน้ำตาลของ จ.ราชบุรี (เมื่อเดือน ต.ค.2553)
ปัจจัยภายในราชบุรี
จุดแข็ง (Strength) ได้แก่
- อ้อยโรงงานเป็นพืชพลังงานที่มีศักยภาพสูง เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน อีกทั้งทุกภาคส่วนมีการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมและการหาพลังงานทดแทน นอกจากนำมาผลิตน้ำตาลแล้ว ยังสามารถผลิตเอทานอลได้ด้วย
- อ้อยโรงงานเป็นพืชที่มีศักยภาพในการพัฒนาการผลิต ให้มีคุณภาพดีตามความต้องการของโรงงาน และปริมาณผลผลิตต่อหน่วยพื้นที่สูงได้ หากมีการส่งเสริมให้ใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสม และบริหารจัดการที่ดี
- หน่วยงานภาครัฐ มีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ปลูกอ้อยของจังหวัดครบทุกตำบล ขณะที่ผู้แทนเกษตรกร มีเกษตรชาวไร่อ้อย และโรงงานน้ำตาลมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไร่และหัวหน้าโควต้า เป็นเครือข่ายกระจายอยู่ในพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด สามารถประสานการดำเนินงานต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ
- มีโรงงานน้ำตาลและเอทานอลในพื้นที่ ที่ให้การส่งเสริมการผลิตและรับซื้อผลผลิตของเกษตรกร
- สภาพพื้นที่และภูมิอากาศของ จ.ราชบุรี มีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของอ้อย ซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในที่ลุ่มที่ดอน
- อ้อยเป็นพืชที่ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลายปี
- มีหน่วยงานภาครัฐด้านการวิจัยและพัฒนาการเกษตรอยู่ในพื้นที่ ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเคโนโลยีได้ง่าย
จุดอ่อน (Weakness) ได้แก่
- อ้อยพันธุ์ดีที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ ยังไม่สามารถกระจายถึงมือเกษตรกร ครอบคลุมพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งหมดได้ เนื่องจากแปลงพันธุ์ดีมีไม่เพียงพอ
- การผลิตอ้อยของเกษตรกร ยังไม่ได้คุณภาพ เช่น การเผาอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยว(เนื่องจากขาดแคลนแรงงาน ไร่อ้อยไม่สะอาด) ตัดอ้อยยอดยาว มีสิ่งเจือปนในอ้อยเนื่องจากการคีบ เป็นต้น
- เกิดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชอ้อยระบาด และมีแนวโน้มว่าจะระบาดรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น หากไม่ได้ดำเนินการป้องกันและกำจัดอย่างถูกต้องเหมาะสมและต่อเนื่อง โรคและแมลงที่สำคัญ ได้แก่ โรคใบขาว และแมลงนูนหลวง
- ดินขาดความอุดมสมบูรณ์
- ใช้แรงงานมากและทุนการผลิตที่สูง
- ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ เนื่องจากพื้นที่ปลูกอ้อย ร้อยละ 80 อยู่นอกเขตชลประทาน อาศัยน้ำฝนในการเจริญเติบโต ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอต่อการเพิ่มผลผลิต ผลผลิตต่อไร่จึงต่ำ
- เกษตรกรไม่มีการรวมตัวเป็นกลุ่ม (กลุ่มเกษตรกร, กลุ่มสหกรณ์ ฯลฯ) ที่ทางการรับรอง ทำให้เกษตรกรไม่มีความเข้มแข็ง การบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ
ปัจจัยภายนอก
โอกาส (Opportunity) ได้แก่
- รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานชีวภาพจากการผลิตทางการเกษตร เป็นพลังงานทดแทน และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตการเกษตร
- การส่งเสริมการผลิตอ้อยโรงงาน มีคณะอนุกรรมการอ้อยระดับท้องถิ่นเขต 2 จังหวัดราชบุรี ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ เอกชน (ผู้แทนโรงงาน) และผู้แทนเกษตรกรที่เป็นองค์กรสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- การส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ดำเนินการโดยคณะกรรมการที่มีทั้งภาคราชการ เอกชน และเกษตรกร และมีกฏหมายรองรับเป็นการเฉพาะ คือ พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527
- อ้อยเป็นพืชพลังงานที่มีศักยภาพสูงในการผลิตเป็นพลังงานทดแทน และมีความต้องการสูง
- ทีเทคโนโลยีการผลิตอ้อยที่ทันสมัย
อุปสรรค (Threat) ได้แก่
- พื้นที่ปลูกอ้อยของจังหวัดราชบุรี ร้อยละ 82 อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรต้องอาศัยน้ำฝนในการเพาะปลูก ทำให้ผลผลิตอ้อยต่ำ และมีความเสี่ยงในการผลิต
- การส่งเสริมการผลิตอ้อย ของคณะอนุกรรมการอ้อยระดับท้องถิ่น เขต 2 จังหวัดราชบุรี ดำเนินการได้ในสัดส่วนน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งหมดของจังหวัด และการขยายผลสู่เกษตรกรเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ
- ไม่มีแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาที่ชัดเจน ในการของบประมาณสนับสนุนจากทางราชการ
จังหวัดราชบุรี จึงได้กำหนดแนวทางในการพัฒนาการผลิตอ้อยและน้ำตาลของจังหวัด ดังนี้
- ส่งเสริมแปลงขยายอ้อยพันธุ์ดีแก่เกษตรกร
- ส่งเสริมให้ชาวไร่อ้อยปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์
- ส่งเสริมการปลูกอ้อยในพื้นที่นาไม่เหมาะสม และใกล้โรงงาน
- เพิ่มพื้นที่ชลประทาน
- ภาครัฐสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยอย่างทั่วถึง
- ภาครัฐควรมีการประกันราคาอ้อยตามความเป็นจริง เพื่อให้สอดคล้องกับราคาปัจจัยการผลิตที่มีต้นทุนสูงขึ้น
วิสัยทัศน์การพัฒนา : "จังหวัดราชบุรีเป็นแหล่งผลิตอ้อยที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ"
พันธกิจ
- สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษ๖รกรในการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตอ้อย
- พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของอ้อย อย่างน้อย 10%
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาบริหารจัดการอ้อย ประกอบด้วยกลยุทธ์/แนวทางการพัฒนา
- บูรณาการแผนงาน/โครงการการพัฒนาอ้อย
- ส่งเสริมผลักดันโครงการพัฒนาอ้อย
- ติดตามประเมินผลโครงการ
ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาประสิทธิภาพด้านการผลิตและคุณภาพอ้อย ประกอบด้วยกลยุทธ์/แนวทางการพัฒนา
- ส่งเสริมพัฒนาการผลิตอ้อยให้มีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยให้เข้มแข็ง
- ส่งเสริมพัฒนากระบวนการผลิตอ้อยให้มีคุณภาพ
--------------------------------------------------------------
ที่มาข้อมูล
กลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดราชบุรี. (2553). แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอ้อยจังหวัดราชบุรี. เอกสารประกอบการประชุม. (หน้า 28-33).
อ่านต่อ >>